การปฏิวัติขาว; การฟื้นฟูศาสนาอิสลาม และ การต่อต้านอำนาจของตะวันตก
เมื่อพูดถึงประวัติศาสตร์เปอร์เซีย (หรือที่รู้จักกันในชื่ออิหร่านในปัจจุบัน) ย่อมอดไม่ได้ที่จะกล่าวถึงยุคการปฏิวัติอันยิ่งใหญ่ ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในการเมืองและสังคมของประเทศนี้ การปฏิวัตินี้มีชื่อเรียกว่า “การปฏิวัติขาว” (White Revolution) เกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2504 โดยริเริ่มจากโมฮัมหมัด โมซาเดีก (Mohammad Reza Pahlavi) ชาห์แห่งอิหร่าน當時
โมฮัมหมัด โมซาเดีก หรือที่รู้จักกันในชื่อ “ชาห์” เป็นผู้ปกครองที่มีวิสัยทัศน์และต้องการพัฒนาประเทศให้ทันสมัย เขาเชื่อว่าการปฏิรูปจากภายในจะช่วยให้อิหร่านหลุดพ้นจากความยุ่งยากทางการเมืองและเศรษฐกิจ และก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคง
โมซาเดีกได้ริเริ่มโครงการปฏิรูปครั้งใหญ่ภายใต้ชื่อ “การปฏิวัติขาว” ซึ่งมีเป้าหมายหลักในการปรับปรุงโครงสร้างสังคมและเศรษฐกิจของประเทศ
ด้าน | มาตรการปฏิรูป |
---|---|
การเกษตร | แจกที่ดินให้แก่ชาวนา, โปรโมตการใช้เทคโนโลยีทันสมัยในการทำไร่ |
การศึกษา | เพิ่มโอกาสการศึกษาแก่ผู้หญิง, สนับสนุนการศึกษาในระดับอุดมศึกษา |
สิทธิสตรี | ยกเลิกระบบเงยหน้าไม่ได้สำหรับผู้หญิง, อนุญาตให้ผู้หญิงมีสิทธิในการเลือกตั้งและลงสมัครรับเลือกตั้ง |
นอกจากนี้ โมซาเดีกยังได้ริเริ่มโครงการพัฒนาอุตสาหกรรม ทรัพยากรธรรมชาติ และโครงสร้างพื้นฐานของประเทศเพื่อให้ทันสมัยและสามารถแข่งขันในระดับโลก
การปฏิวัติขาวได้รับการสนับสนุนอย่างมากจากประชาชนส่วนหนึ่งซึ่งเห็นว่าการปฏิรูปนี้จะนำมาซึ่งความเจริญก้าวหน้าแก่ประเทศ อย่างไรก็ตาม ก็ยังมีกลุ่มที่ต่อต้านการปฏิรูป โดยเฉพาะกลุ่มศาสนานักบวชอิสลามอนุรักษนิยม ซึ่งมองว่าการปฏิวัติขาวเป็นการละเมิดหลักคำสั่งของศาสนา
ความขัดแย้งระหว่างกลุ่มผู้สนับสนุนและต่อต้านการปฏิรูปเพิ่มสูงขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา จนกระทั่งนำไปสู่การปฏิวัติอิสลามในปี พ.ศ. 2522 ซึ่งโค่นล้มราชวงศ์ของโมซาเดีก และสถาปนาสาธารณรัฐอิสลาม
แม้ว่าการปฏิวัติขาวจะไม่ประสบความสำเร็จอย่างที่โมซาเดีกคาดหวังไว้ แต่ก็ยังถือเป็นช่วงเวลาสำคัญในประวัติศาสตร์อิหร่าน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความพยายามของชาห์ในการนำประเทศไปสู่ความเจริญรุ่งเรือง
การปฏิวัติขาวได้留下บทเรียนอันล้ำค่าเกี่ยวกับความซับซ้อนและความละเอียดอ่อนของการปฏิรูปสังคม การปฏิวัติขาวสอนให้เราเห็นถึงความจำเป็นในการรักษาสมดุลระหว่างการพัฒนาทางเศรษฐกิจและสังคม และการเคารพต่อประเพณีและวัฒนธรรม